top of page

(os) unGreen Missing | chanbaek



🎄

Marry Christmas 2019

special chanbaek for #ProjectOurXmas

Keyword: Ungreen




บนโลกใบนี้มีความแตกต่างมากกว่าพันล้านสิ่ง ทั้งแตกต่างมาก…หรือแทบไม่แตกต่างเลย ผู้คนล้วนพบสิ่งที่ทำให้แปลกแยก บางคนพบวิธีที่จะทำให้ความแปลกแยกกลายเป็นจุดเด่นขึ้นมา แต่บางคนก็ล้มเหลว…ทำให้มันกลายเป็นจุดด้อยในใจ



ดังเช่นโรคภัยไข้เจ็บที่มีเป็นล้าน ๆ อย่าง แตกแขนงออกไปมากมาย…หาที่บรรจบไม่ได้ หลาย ๆ คนพยายามค้นหาเส้นทางที่จะหลุดพ้นโรคเหล่านั้น บางคนทิ้งมันไว้ข้างหลังและเดินหน้าต่อ ส่วนบางคนก็…



คอยลุ้นว่าวันนี้จะชนอะไรบ้าง



“เฮ้ย! ระวัง!!”



เสียงเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่คอยช่วยเหลือ ‘แบคฮยอน’ มาโดยตลอดดังขึ้น สกัดกั้นขาที่กำลังก้าวเดินไปอย่างมั่นใจว่าจะไม่ชนกับสิ่งที่อยู่ข้างหน้า…แต่ตัวเอง ‘มองไม่เห็น’ แบคฮยอนถอนหายใจ ก่อนจะยื่นมือไปลูบ ๆ คลำ ๆ และพบว่ามันคือเสาตึกโรงอาหารขาประจำที่มักจะเดินชนบ่อย ๆ หลังจากที่มันได้เปลี่ยนเป็นสีนี้ ทั้งที่คิดว่าจำตำแหน่งได้แม่นแล้วแท้ ๆ



“อะไรวะ ไหนว่าจำได้ไง”

“ก็จำได้ แต่สงสัยจำผิด”

“ถ้าไม่เรียก หน้าคงแหกไปแล้ว รู้อยู่ว่ามองไม่เห็น จะรีบเดินไปไหนวะ”



ชานยอล’ บ่นกระปอดประแปด ในขณะที่แบคฮยอนขำร่า เขาคงเป็นพ่อหนุ่มโรคประหลาดที่อารมณ์ดีที่สุดในโลกก็ได้ล่ะมั้ง



Ungreen missing เป็นโรคประหลาดที่สุดเท่าที่โลกนี้เคยค้นพบมาก่อน ประชากรบนโลกประมาณ 100 ล้านคน จะพบเพียง 1 คนที่จะได้รับพรวิเศษขี้ประชดข้อนี้ไป มันเป็นโรคที่หาสาเหตุการเกิดไม่ได้ แม้แต่หมอก็ไม่สามารถวินิจฉัยออกมาได้อย่างมั่นใจ



หลักการทำงานของโรคนี้จะส่งผลโดยตรงกับระบบดวงตา การมองเห็นและรับรู้จะผิดเพี้ยนขั้นรุนแรงราวกับไม่ใช่มนุษย์โลกปกติ ผู้ป่วยจะ ‘มองไม่เห็นสิ่งที่เป็นสีเขียว’ ไม่ใช่เพียงแค่สี แต่เป็น ‘สิ่ง’ โรคนี้จะลบภาพของสิ่งที่เป็นสีเขียวออกจากสารบบการมองเห็น ราวกับมันไม่มีตัวตน หรือกำลังล่องหนอยู่ มันจึงเป็นปกติสำหรับผู้ป่วยที่มักจะเดินชนสิ่งของอยู่บ่อยครั้ง



ซึ่งแบคฮยอนเป็นคนดวงดีจาก 100 ล้านชีวิตบนโลกใบนี้ น่าทึ่งไปเลยใช่มั้ยล่ะ รู้สึกเหมือนถูกหวยเผื่อ 100 ล้านคนไปหมดแล้ว เฮอะ…นี่แหละที่มาของพรขี้ประชด



“ขวาเป็นพุ่มไม้ เขยิบมาทางซ้ายหน่อย”

“ระวังพื้นต่างระดับ ยกขาสูง ๆ ไว้”



ยังดีที่แบคฮยอนมีเพื่อนสนิทอย่างชานยอลมาช่วยดูแล เพราะโรคนี้จะทำให้สิ่งที่เป็นสีเขียวหายไป เหลือแค่ร่องรอย ยกตัวอย่างเช่นพวกพุ่มไม้ แบคฮยอนจะไม่สามารถมองเห็นใบไม้ แต่ยังคงเห็นลำต้นเล็ก ๆ และดินที่อยู่เบื้องล่าง คงคล้าย ๆ กับต้นไม้ในฤดูใบไม้ร่วง



ใช่ว่าจะบอกได้กับเพื่อนทุกคนว่าเขาเป็นโรคบ้า ๆ นี่ ชานยอลเป็นคนแรกที่แบคฮยอนเล่าให้ฟังและขอให้ช่วยมาตั้งแต่มัธยม เพราะเพื่อนที่คอยช่วยสมัยประถมย้ายไปเรียนต่างจังหวัด เขาจึงเหลือตัวคนเดียว ไม่ใช่ว่าต้องการคนมารองมือรองเท้าหรอกนะ แต่เท่าที่ฟังมา…คงนึกออกใช่มั้ยว่าโรคนี้ทำให้แบคฮยอนใช้ชีวิตลำบากมาก



ทุก ๆ เช้าเราสองคนจะมาหาอะไรกินกันที่นี่ก่อนเข้าเรียนคาบแรก ก่อนหน้านั้นการเข้ามาทานข้าวในโรงอาหารไม่เคยเป็นเรื่องที่ควรตื่นเต้นเลย จนกระทั่งคณบดีเกิดรักษ์โลกขึ้นมา สั่งให้คนทาสีนู้นนี่นั่นเป็นสีเขียว ประดับพุ่มไม้ตรงหน้าทางเข้า ถ้าชานยอลไม่บอก เขาคงเดินหายเข้าไปในพุ่มไม้พวกนั้นแล้ว



“กินอะไรน่ะ”



เขาถามขึ้นเมื่อเห็นชานยอลเดินถือแก้วเปล่า ๆ แต่กลับดูดอะไรบางอย่างด้วยความเอร็ดอร่อย ชานยอลหลุดขำ ก่อนจะยื่นน้ำแก้วนั้นให้



“ให้ทาย”

“ทายอะไร อย่ามากวนตีน”

“เออ ลองชิมดูดิ”



คนตัวเล็กเขม่นใส่ มีอยู่หลายครั้งที่ชานยอลชอบแกล้งดูดแก้วเปล่า แล้วบอกว่ามีน้ำอยู่ข้างใน คะยั้นคะยอให้เขาดูด แต่พอดูดแล้วกลับไม่เจออะไรนอกจากลม เท่านั้นแหละ แก้วก็ลอยไปกระแทกหน้ามัน



“ไม่ชาเขียวก็แอปเปิ้ล กูก็เห็นมึงกินอยู่แค่นี้”

“ก็บอกให้ชิมดู”



ชานยอลดันแก้วในมือเขาให้หลอดจ่อที่ริมฝีปาก แบคฮยอนตัดสินใจชิมน้ำในแก้ว ที่แม้จะมองไม่เห็นแต่ก็สัมผัสถึงน้ำหนักได้ เขาดูดมันขึ้นมาช้า ๆ เพราะเคยดูดด้วยความรวดเร็วแล้วปรากฏว่าสำลัก



รสชาติแรกที่ได้รับคือน้ำนี้หวานมาก สักพักตามมาด้วยกลิ่นของผลไม้อ่อน ๆ และความนุ่มของน้ำแข็งที่ปั่นเสียจนละเอียด ถึงจะไม่ค่อยได้กินเพราะหาไม่เจอในซุปเปอร์ก็ตาม แต่แน่นอนว่ารู้อยู่แล้วว่ามันคืออะไร



“แคนตาลูป?”

“ถูกต้องนะครับบบ!!”



แม้จะเฉลยแล้วแต่แบคฮยอนก็ไม่ได้คืนน้ำแก้วนั้นไปโดยทันที ไม่คิดว่าจะอร่อยขนาดนี้ ช่างสรรหากินเสียเหลือเกิน นั่งทานข้าวกันไปได้ไม่เท่าไร เพื่อนอีกสามคนก็เดินเข้ามานั่งด้วยกัน แบคฮยอนยกมือทักทายตระกูลจอจานทั้งสามคน จงอิน จงแด และจุนมยอน ก่อนจะก้มหน้าจัดการอาหารต่อไป



“พวกมึง ตารางแข่งฟุตบอลคณะออกแล้วนะเว้ย จะไปดูด้วยกันมั้ย” จุนมยอนเอ่ยอย่างตื่นเต้น นาน ๆ ทีกิจกรรมจะมา เขาอยากใส่เสื้อเชียร์จะแย่

“ไม่เห็นต้องไปดูที่บอร์ดเลย ในกรุ๊ปก็มี” จงอินว่าพลางเปิดภาพให้ดู

“ไหน ๆ ดูหน่อย”



แบคฮยอนเงยหน้าขึ้นจากจานข้าว ไม่วายโดนจงแดขยี้หัวด้วยความมันเขี้ยวที่เอาแต่โซ้ยอาหารไม่สนใจกัน ตารางบอลที่ว่าถูกจัดเป็นสายการแข่งขันทั้งหมดสี่สาย ไม่ได้จำกัดทีมต่อคณะ หนึ่งคณะจะส่งเข้าแข่งกี่ทีมก็ได้ ส่วนเสื้อการแข่งขันก็แล้วแต่จะจัดการกัน ซึ่งในส่วนตรงนี้มหาลัยมีงบให้เหลือเฟือ



“แข่งเดือนหน้านี้แล้วหรอวะ พวกมึงเจอกับทีมอะไรก่อนอ่ะ”

“ดิจิมั้ง”

“แล้วทำชุดบอลกันเสร็จแล้วหรอ”

“ออกแบบเสร็จแล้ว รอของเนี่ยแหละ”

“สีไรวะ อย่าเอาสีเขียวนะเว้ย ไอ้แบคมองเห็นเนื้อนะบอกก่อน”



จุนมยอนแซวก่อนจะขำเสียงดัง แบคฮยอนเอื้อมมือไปตะปบหัวมันทีหนึ่งให้หยุดตลก มันน่าจะคิดภาพอุจาดตาแน่ ๆ ถึงได้ขำดังขนาดนี้ แบคฮยอนเคยเล่าให้ฟังเกี่ยวกับโรคตอนเราขึ้นปีสอง ที่เล่าก็เพราะเขารู้สึกสนิทกับพวกมันสามคนในแบบที่ไม่เคยเป็นกับเพื่อนคนอื่น…เป็นความรู้สึกที่เล่าแล้วพวกมันพร้อมจะเชื่อ และเขาก็อุ่นใจที่ได้อธิบายให้ฟัง แต่ก็ไม่ละเอียดเท่าชานยอล



“รู้น่า แทบไม่มีสีเขียวแต้มเลยเหอะ”

“วิดวะฟูลมูนก็ลงว่ะ ไปดูกัน”

“ไม่เอาอ่ะ กูจะไปดูแค่พวกมันลงเท่านั้น ขี้เกียจ ร้อนด้วย” แบคฮยอนพูดไปหน้างอไป เขาไม่ใช่คนชอบดูบอล ถ้าเพื่อนไม่ลงเขาก็ไม่คิดจะเฉียดสนามบอลเลยสักนิด

“ขี้เกียจตัวเป็นขน”

“อย่ามาลูบเล่นแล้วกัน”



นั่งคุยสัพเพเหระรอให้ถึงเวลาเข้าคาบแรก ระหว่างทางขึ้นบันไดจะมีพวกเพื่อน ๆ คอยประกบนาบทั้งหน้าทั้งหลัง เพราะกลัวแบคฮยอนจะไปเฉี่ยวชนสิ่งที่มองไม่เห็นได้ และบางทีมีบ้างที่พวกมันจะแกล้งให้เขายกขาขึ้น หรือข้ามอะไรบางอย่าง ทั้ง ๆ ที่บนพื้นไม่มีอะไร



นิสัยดีกันสุด ๆ ไปเลย



“ดีนะที่รอบชิงมันแข่งเสร็จก่อนคริสต์มาส ไม่งั้นป๊ากูเอาไก่งวงฟาดตายห่า”

“จะบอกว่าต้องรีบกลับไปฉลองว่างั้น” จุนมยอนกลั้นขำ

“เออดิวะ กูคริสต์มากนะครับมึง”



จงอินว่าพลางเสยหัวจุนมยอนไปหนึ่งที



พูดถึงคริสต์มาสก็คงจะเหมือนกับทุก ๆ ปีคือ…นอน ใช่ แบคฮยอนจะใช้เวลาทั้งวันไปกับการนอนหลับยาว ๆ จนกระทั่งเช้าวันใหม่ มีอยู่ไม่บ่อยที่ชานยอลจะลากไปนู้นไปนี่ ประมาณว่าเด็กเห่อต้นคริสต์มาสที่เอาจากปีที่แล้วมาประดับใหม่ น่าตื่นเต้นตรงไหน



ปีนี้เขาก็คงนอนอยู่หอคนเดียว ถ้าจงแด จุนมยอน และชานยอลไม่กลับบ้าน แต่เชื่อเหอะว่าพวกมันไม่มีใครกลับ เดี๋ยวคงได้แพลนปาร์ตี้ข้ามคืน โดยเอาหอเขาเป็นโลเคชั่น เสนอให้จับของขวัญ แต่พอไปซื้อดันไปด้วยกัน เมาเละเทะและเสียงดังโวยวาย มีข้อดีข้อเดียวคือแบคฮยอนไม่ต้องเก็บกวาด



“งั้นปีนี้ก็เหมือนเดิม ของขวัญห้าร้อย ห้ามแกะราคาออก ห้ามแปะราคาใหม่ และ…”

“ห้ามห่อด้วยกระดาษสีเขียว”



แบคฮยอนแทรกขึ้นมากลางคัน ถ้าห่อสีเขียวมาเป็นอันจบ ซึ่งมันเคยเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ของขวัญของจุนมยอนดันห่อกระดาษสีเขียวในตีมคริสต์มาสจ๋า แบคฮยอนเห็นถึงของที่อยู่ข้างในก็ว่าหมดอารมณ์ลุ้นแล้วนะ ดันจับได้ของมันอีก เล่นซะรำคาญหน้ามันไปหลายอาทิตย์



“โธ่เพื่อน ก็ตอนนั้นกูไม่รู้ปะวะ ใครจะอยากโดนมึงเมินตั้งหลายอาทิตย์กัน”

“แต่กูไม่มั่นใจว่าจะอยู่จับด้วยมั้ยนะ เผื่อเจ๊กูจะกลับบ้านช่วงนั้น” จงแดพูดถึงพี่สาวที่ทำงานต่างจังหวัด นาน ๆ กลับที และที่กลับช่วงนี้คือพี่สาวมันทำงานในบริษัทต่างชาติ เขาให้ความสำคัญกับวันนี้เป็นพิเศษด้วย

“มึงชัวร์ไม่ชัวร์ก็บอกอีกทีล่ะ” จงแดพยักหน้ารับ



หลังเรียนเสร็จแบคฮยอนก็ขอแยกตัวออกมาก่อน เพราะคนอื่น ๆ จะไปดูแข่งฟุตบอล ซึ่งเขาไม่คิดจะไปดูอยู่แล้ว ถ้าไม่ติดว่าชานยอลกับจงอินลงแข่งด้วย



…ก็อยากไปให้กำลังใจ แม้จะไม่ใช่ทางเท่าไรก็ตาม



“มึงจะไปกับพวกมันก็ได้นะ กูกลับเองได้”

“ไม่เอาอ่ะ กูไปส่งมึงดีกว่า”

“แล้วค่อยออกมาอีกทีอ่ะหรอ ไม่ต้องลำบากก็ได้”

“ไม่เห็นจะลำบากตรงไหน ยังไงมึงก็ต้องมาก่อนอยู่แล้ว”



คำพูดที่ไม่ได้คิดอะไรมักจะทำให้แบคฮยอนชะงักเสมอ มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่เราสองคนจะเป็นเพื่อนสนิทกัน…แต่แบคฮยอนก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นตลอดไป เขาแอบชอบชานยอลมาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ตอนที่อีกฝ่ายเริ่มช่วยเหลือเขาอย่างจริงใจ…เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิต



แต่เขาก็ไม่สามารถพูดคำว่าชอบออกไปได้



และเหมือนชานยอลเองก็ไม่ได้คิดกับเขามากไปกว่านี้ ดังนั้นแบคฮยอนก็จะไม่เสี่ยง เขาไม่อยากเสียชานยอลไป มันคงแย่แน่ ๆ ถ้าเราจะเข้าหน้ากันไม่ติด คิดทบทวนอยู่หลายครั้งแล้วล่ะนะ ว่าการเป็นเพื่อนช่วยเพื่อนแบบนี้ก็ไม่ได้แย่เท่าไรนัก



“กูว่าในกระเป๋าแกร็บฟู้ดน่าจะเป็น…เกี๊ยว! ใช่ปะ?!”



ชานยอลชี้ไปทางกระเป๋าหลังรถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งที่จอดติดไฟแดงอยู่ คนตัวเล็กหันไปทางนิ้วที่ชี้ ถึงแม้จะไม่เห็นกระเป๋าที่ว่า แต่เขาสามารถเห็นทรงสี่เหลี่ยมชัดเจน ยังดีที่ตัวอักษรไม่ได้เป็นสีเขียวไปด้วย



“ไม่รู้สิ ตัวกันความร้อนมันบังอยู่”

“อ้าวหรอ แล้วพี่คนขับอ่ะ ใส่เสื้อข้างในปะ”

“….ใส่แต่เสื้อกล้าม”



ร่างสูงขำ พอรู้ว่ามหัศจรรย์เลยชอบใช้ให้มองนู้นมองนี่แล้วทายเล่นกันบ่อย ๆ จนแบคฮยอนต้องตีแขนเตือนเบา ๆ นี่มันเข้าข่ายละเมิดสิทธิส่วนบุคคลเลยนะ



เขาลากชานยอลเข้ามาข้างในตึก ทำตัวเหมือนคนมองเห็นทุกอย่างปกติ กระทั่งระลึกได้ว่าตัวเองผิดแปลกก็ตอนชนเข้ากับอะไรบางอย่าง ชานยอลที่ไหวตัวทัน รีบคว้าตัวแบคฮยอนไว้ด้วยท่าอาซิเพ่นยา ทำเอาคนบริเวณนั้นตกใจกันไปหมด



“ก…เกือบไปแล้ว”

“กู…ชนอะไรวะ”



ร่างสูงวางคนในมือลง แล้วล้วงโทรศัพท์ออกมาเข้าแอพถ่ายภาพ จิ้มนู้นจิ้มนี่เสร็จแล้วก็ยื่นให้ดูใกล้ ๆ



“ต้นคริสต์มาสที่ยังไม่ตกแต่ง”

“อ๋อ”



ซึ่งภาพที่ชานยอลให้ดูมันเป็นภาพที่แก้ไขสีจนเพี้ยนไปหมด แต่ก็เพื่อให้แบคฮยอนมองเห็นได้ว่ามันคืออะไร คนตัวเล็กก้มลงดูที่พื้น เขาเห็นขาตั้งสีดำ แต่จังหวะนั้นใครมันจะมองเห็นกันล่ะ



“ยังไม่คริสต์มาสสักหน่อย จะรีบเอามาตั้งทำไม”

“อย่าพาลสิเชร็ค”

“เรียกอีกทีจะตีปากแตก”



ชานยอลหัวเราะร่า การได้หยอกแบคฮยอนนี่ล่ะสุขที่สุดแล้ว แบคฮยอนฮึดฮัด แต่ก็ต้องชะงักเป็นครั้งที่สอง เมื่อร่างสูงจับมือเขาแล้วจูงให้เดินอ้อมมาหาด้วยท่าทางของคนที่ไม่ได้คิดอะไร เพราะแบคฮยอนคิดแทนไปเรียบร้อยแล้ว



ชานยอลที่ใจดีแบบนี้…โคตรแย่



“ขอบใจ”

“ให้นอนที่ห้องดิ”

“ไม่ได้ ไหนบอกจะออกไปดูแข่งไง”

“ไม่อยากไปละ ง่วง”

“ไปนอนห้องตัวเองสิ”

“อยู่ไกลนี่นา”



แบคฮยอนเมินสายตาเว้าวอนประหนึ่งลูกหมาน้อยก็ไม่ปาน จะรีบเปิดประตูแล้วปิดใส่หน้า แต่ชานยอลก็รั้งไว้ทันตลอด แบคฮยอนพ่นลมหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ปล่อยเลยตามเลยให้อีกคนเข้ามาใช้ห้องเขาสบายใจเฉิบ



“ลุกเลย”

“ไม่เอาอ่ะ”



ดูมัน กระโดดยึดเตียงนอนเขาเฉยเลย แล้วยังมีหน้ามายิ้มหวานโชว์ฟันเรียงกันครบทุกซี่อีก แบคฮยอนตีตัวชานยอลผ่านผ้าห่มหนา หวังว่ามันจะช่วยให้อีกฝ่ายเจ็บจนต้องยอมลุกออกมา แต่กลายเป็นเขาเองที่แพ้กับเสียงหัวเราะคิกคัก จนต้องเดินหนีไปเปิดแอร์



“แล้วกูจะนอนตรงไหนอ่ะชานยอล”

“นี่ไง” ว่าแล้วก็ตบพื้นบนเตียงนอนแปะ ๆ ซึ่งมันไม่ได้กว้างเลย เตียงสามจุดห้าฟุตมันจะเพียงพอกับตัวผู้ชายสองคนได้ยังไง อยากลุกไปตีมือที่กวักเรียกเสียจริง

“ตลกละ กูไม่อยากอัดเป็นปลากระป๋องกับมึงนะ”

“แหม พ่อคนตัวโต”

“พูดถึงตัวเองอยู่หรอ”



แบคฮยอนส่ายหัวหน่าย โดยมีชานยอลมองตาม เขาเดินไปเปิดตู้เย็นหาน้ำเย็น ๆ ดื่ม ภายในห้องนอนขนาดพอดีกับนักศึกษา ไม่มีสิ่งของที่เป็นสีเขียวแม้สักชิ้น เพราะถ้ามี แบคฮยอนคงหาไม่เจอ



“หยิบโทรศัพท์ในกระเป๋าให้หน่อยสิ”

“ลุกหยิบเองสิ”

“ก็มันนอนได้ที่แล้วอ่ะ”



เจ้าของห้องหน้าบึ้ง งอปากใส่ ยังไงก็ไม่หยิบให้หรอก พอเห็นว่าแบคฮยอนไม่หยิบให้จริง ๆ ชานยอลเลยนอนหนุนแขนมองตาแป๋ว เป็นท่าทีที่ร่างสูงชอบใช้ในเวลาที่แบคฮยอนดื้อดึงใส่ และมันได้ผลเสมอเมื่อคนตัวเล็กถอนหายใจ แล้วลุกเดินไปหยิบมาให้



ชานยอลขำเบา ๆ เขายื่นมือไปรับโทรศัพท์เครื่องนั้น และรั้งมือของคนให้ไว้ด้วย



“เฮ้ย!”



เขาดึงแบคฮยอนให้ขึ้นมานอนบนเตียงของแบคฮยอนสำเร็จ เพื่อนตัวเล็กรั้นจะลุก พลางโวยวายและทุบเข้าที่แขน…แต่มันไม่เคยแรงเลยสักครั้ง ร่างสูงใช้แขนหนาทับคอแบคฮยอนเอาไว้ ก่อนจะกดเปิดเพลงเบาสบาย หวังจะให้เพลงโน้มน้าวแบคฮยอน



“เห็นมั้ย ที่ก็ตั้งเยอะ เพลงก็เพราะ แอร์ก็เย็น หลับให้สบายนะ”

“แช่งกูหรอ”

“ฮ่า ๆ ทำไมมองกูในแง่ร้ายจังล่ะคุณสไลม์”



แบคฮยอนมองค้อน ก่อนจะพลิกตัวหันหลังให้ ชานยอลน่ะชอบล้ออะไรก็ตามที่เป็นตัวสีเขียว อย่างเชร็คก็เหมือนกัน จำได้เลยว่าวันนั้นกลุ่มเราชวนกันไปดู ซึ่งแบคฮยอนโดนหลอกซะสนิทว่าเราจะไปดูอีกเรื่อง แต่พอเข้าโรงไปกลับไม่ใช่ ตลอดสองชั่วโมงเขามองไม่เห็นตัวเอกเลย นอกจากลาหน้าโง่



“อย่าหันหลังให้สิ”



ไหล่ของแบคฮยอนถูกกดให้หลังแนบไปกับผืนเตียง โดยมีชานยอลนอนตะแคงหันหน้ามาทางเขา…พร้อมรอยยิ้มที่ไม่ว่ามองเมื่อไรก็ใจเต้นเสมอ ชานยอลไม่เคยระวังตัวเลยในตอนที่เราอยู่ด้วยกัน ดั่งเช่นตอนนี้…



ใครใช้ให้มองไปยิ้มไปกันเล่า



“มองอะไรนัก”

“กำลังคิดว่า ตัวก็เล็กแค่นี้ แต่ทำไมขี้หงุดหงิดจัง น่ะ”

“ถ้าเป็นความคิดก็ไม่ต้องพูดออกมาก็ได้” ว่าแล้วก็หยิกแก้มสั่งสอนสักหน่อย



สุดท้ายแบคฮยอนก็ปล่อยให้ตัวเองไหลไปกับเพลงที่ชานยอลชอบเปิดให้ฟังบ่อย ๆ บนเตียงหลังเดียวกัน ผ้าห่มผืนเดียวกัน เสียงลมหายใจผะแผ่วที่ดังเบา ๆ ข้างใบหู กลิ่นแชมพูสระผมแสนคุ้นเคย



และแขนของเราที่สัมผัสกัน…





 



25 December


เอาจริง ๆ เขาก็ไม่ได้ผิดหวังอะไรเท่าไร ในเทศกาลสำคัญแบบนี้ใคร ๆ ก็อยากกลับบ้านกันทั้งนั้น ดังนั้นมันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเหลือแค่เขากับชานยอลกันอยู่สองคน พี่สาวจงแดกลับบ้านมาจริง ๆ ส่วนพ่อแม่ของจุนมยอนก็อยากกลับไปเยี่ยมญาติ เหลือแค่แบคฮยอนที่ไม่ค่อยอยากกลับบ้าน กับชานยอลที่บ้านอยู่ใกล้มหาลัย



“จับของขวัญกัน!”

“ไม่ล่ะ เหลือกันสองคนจะจับยังไง”

“งั้นปาร์ตี้ข้ามคืนก็ได้”

“นี่มึงไม่คิดอยากจะนอนเฉย ๆ อยู่บ้านบ้างหรอ”

“อยู่กับมึงสนุกกว่า”



นิสัยเด็กน้อยจริงนะ ทั้งที่ตัวสูงจนหัวจะชนกับเสาไฟฟ้าอยู่แล้ว แบคฮยอนถอนหายใจ พอไม่มีพวกมันเขาก็หมดอารมณ์ อยากกลับไปนอนจะแย่



“ง่วงหรอ”

“อื้อ อากาศเย็นสบายซะขนาดนี้”

“งั้นก็กลับไปนอน เดี๋ยวไปส่ง”



จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นจากโต๊ะ แล้วเดินนำออกไปก่อน ร่างเล็กกึ่งเดินกึ่งวิ่งด้วยท่าทางสะเปะสะปะ เพราะต้องรีบหยิบกระเป๋าแล้วสะพายเข้ากับตัว ลอบมองใบหน้าคนด้านข้าง…ซึ่งดูปกติดี นั่นเลยทำให้แบคฮยอนโล่งอก เขานึกว่าชานยอลไม่พอใจอะไรซะอีก



“งั้นแล้วมึง…จะกลับบ้านหรอ”

“คงงั้น”



เหลือบมองต้นคริสต์มาสในวันนั้นที่เขาเผลอชนเข้าอย่างจัง เพราะมันยังไม่ถูกตกแต่ง แต่ในวันนี้มีทั้งดาว ไฟประดับ และลูกบอลแขวนอยู่เต็มไปหมด แม้เขาจะไม่เห็นหน้าตาของต้นคริสต์มาส แต่รับรู้ลักษณะของมันได้จากของตกแต่งพวกนี้



“ล็อคห้องดี ๆ ล่ะ ระวังมีคนย่องเบา”

“จะมีคนเข้ามาได้ก็คงเป็นมึงนั่นแหละ”



ร่างสูงขำชอบใจ ไม่วายขยี้หัวทุยจนยุ่งเหยิงไปหมด แบคฮยอนปัดมือหนาออก ก่อนจะจัดทรงผมไปพร้อมความเขินอายในใจเงียบ ๆ มือชานยอลใหญ่ขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหน…แถมยังอบอุ่นทุกครั้งอีกต่างหาก



“ไปได้แล้ว”

“อื้ม ไว้เจอกัน”



ชานยอลมักมาส่งแบคฮยอนถึงห้องอยู่บ่อย ๆ แม้เขาจะบอกหลายครั้งแล้วว่าที่นี่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง แต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมให้แบคฮยอนเดินขึ้นมาคนเดียวอยู่ดี เพราะเป็นคนใจดีอยู่แล้ว เลยเผลอปล่อยพลังงานบวกออกมาเต็มที่อยู่เสมอ จนแทบมองไม่ออกเลยว่าชานยอลมีเจตนาอะไรอื่นนอกจากความเป็นมิตรอยู่อีกมั้ย



ซึ่งแบคฮยอนก็ได้คำตอบตั้งแต่ตั้งคำถามแล้วว่า…ไม่มี



“เฮ้อ…แล้วของพวกนี้จะทำยังไงเนี่ย”



กองน้ำอัดลมและขนมกรุบกรอบที่ก่อนหน้านั้นเราไปซื้อมาไว้ฉลองด้วยกัน ถูกวางทิ้งไว้และน่าจะเป็นหมันเพราะไม่มีใครอยู่กินพวกมันเลยสักคน ไม่รวมเบียร์กระป๋องที่อยู่ในตู้เย็นอีก แบคฮยอนจะกินคนเดียวก็ไม่ไหว



“ขอกินสักถุงล่ะกัน”



ว่าแล้วก็หยิบมาแกะกินแบบไม่รีรอ กินเสร็จก็เตรียมตัว เตรียมที่นอน คืนนี้ยังอีกยาวไกลนัก แบคฮยอนกระโดดขึ้นเตียงนอนทันทีหลังจากทิ้งถุงขนม เขาเปิดเพลงในโทรศัพท์ ซึ่งเป็นเพลย์ลิสต์เดียวกันกับของชานยอล ก่อนจะผล็อยหลับไป…





กุกกัก…กุกกัก





เสียงปริศนากลางห้องมืดมิดปลุกแบคฮยอนให้ตื่นขึ้นมา ดวงตาสวยกะพริบถี่ พลางหรี่ตามองหาต้นตอของเสียง ดีที่แสงของดวงจันทร์ลอดผ่านผ้าม่านมาอยู่บ้าง ถึงแม้จะไม่มาก แต่เขาก็เห็นว่ามีใครบางคนกำลังขยับยุกยิกทำอะไรบางอย่างอยู่กลางห้อง



แทบไม่ต้องเดาว่าเป็นใคร มีอยู่แค่คนเดียวเท่านั้นที่จะเข้ามาในห้องแบคฮยอนได้…เป็นคนเดียวที่เขาให้กุญแจสำรองเก็บไว้ เพราะงั้นแทนที่จะตื่นตกใจ แบคฮยอนเลยทำแค่หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลาอย่างใจเย็น…สามทุ่มยี่สิบแปด มาทำอะไรในเวลาแบบนี้



“ชานยอล”

“เฮ้ย!!”

“คนที่ต้องตกใจน่าจะเป็นกูนะ”

“ร…ร…รู้ได้ไงว่าเป็นกูวะ!?”

“ก็บอกแล้วไง ถ้าจะมีคนเข้ามาก็เป็นมึงนั่นแหละ”



ขนาดไม่ได้เปิดไฟยังเห็นว่าชานยอลเลิกลักแค่ไหน ร่างเล็กหลุดขำเบา ๆ แล้วลุกขึ้นมานั่งบนเตียง มองดูอีกฝ่ายที่ร่างกายกำลังยุ่งไปทุกส่วน คงเพราะมองไม่เห็นล่ะมั้ง เลยเดินชนนู้น ปัดนี่ วุ่นวายไปหมด



“จะเปิดไฟให้นะ”

“เดี๋ยว! อย่าเพิ่งเปิด”

“ทำไม มึงจะทำอะไร”

“เอ่อ…”

“แอบเข้าห้องคนอื่นมาทำอะไรอยู่ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”

“ป…เปิดก็ได้ …เปิดสิ!”

“ทำไมต้องสั่ง นี่มันห้องกูนะ”



แบคฮยอนเริ่มหงุดหงิดนิดหน่อย ไม่คิดว่าการโดนสั่งให้เปิดไฟในห้องตัวเองจะทำให้หงุดหงิดได้ เขายืนกอดอกรอจังหวะด่าในตอนที่ไฟกำลังจะติด แต่ก็ต้องเก็บทุกคำพูดเอาไว้เมื่อเห็นว่าชานยอลกำลังตั้งใจทำอะไรอยู่



ไม่รู้หรอกนะว่าแบกขึ้นมาได้ยังไง เพราะนี่มันตั้งชั้นห้า แต่มันเป็นอะไรที่แบคฮยอนไม่เคยเห็นมาก่อน อาจจะเรียกได้ว่าเป็นต้นคริสต์มาสที่หน้าตาประหลาดที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ เพราะมันไม่ควรเป็นสีแดงทั้งต้นแบบนี้



เหมือนกับรูปในตอนนั้นที่ชานยอลปรับสีให้เขาดู



“มันไม่ค่อยสวย เพราะมึงดันตื่นก่อนนั่นแหละ”

“ทำไมมันเป็นสีนั้น”

“ก็…ถ้าเป็นสีเขียว มึงก็มองไม่เห็นน่ะสิ”



แบคฮยอนซักไซ้ให้ชานยอลเล่าว่าไปเอามันมาจากที่ไหน ต้นคริสต์มาสสีประหลาดแบบนี้คงไม่มีขายแน่ ๆ เจ้าตัวเลยบอกว่าตอนแรกก็เป็นต้นสีเขียวธรรมดานี่แหละ แต่ถูกพ่นด้วยสีสเปรย์ เพราะเป็นห่วงกลัวเพื่อนไม่เห็น



“ฉลองกับต้นคริสต์มาสล่องหนมันดูแปลกกว่านี่นา”

“หมดไปกี่กระป๋องเนี่ย ต้นใหญ่ขนาดนี้”

“ก็ไม่ใหญ่เท่าไรนะ”



แต่สูงเลยเอวมึงเลยนะ…



แบคฮยอนเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ เขายังได้กลิ่นสีสเปรย์อยู่หน่อย ๆ แสดงว่าเพิ่งพ่นเสร็จไม่นาน อย่าบอกนะว่าหลังจากที่ส่งเขาเสร็จก็ไปทำต้นคริสต์มาสแดงเถือกนี่มาน่ะ นับถือในความบ้าของมันจริง ๆ



“ขำอะไร”

“ขำความบ้าของมึงไง”

“ใจร้ายจัง”

“เอาของตกแต่งมาสิ”



ทั้งที่คิดว่าจะนอนเป็นปลาตายอยู่บนเตียงจนกระทั่งเช้าวันใหม่ แต่ชานยอลดันมาคืนชีพแพลนที่ล่มไม่เป็นท่าเสียได้ ตอนนี้เลยกลายเป็นว่าเรากำลังช่วยกันตกแต่งต้นคริสต์มาสแดงนี่ และกะจะดูหนังกันต่อ



“ทำไมไฟดวงนี้มันไม่ติดล่ะ”

“เอ่อ…ติด แต่แค่มันเป็นสีเขียว”

“อ่อ”



ดวงดาวแห่งความปรารถนาถูกเสียบไว้บนยอดสูงสุดด้วยมือของแบคฮยอนเบา ๆ เรายิ้มให้กันเมื่อต้นคริสต์มาสเป็นรูปเป็นร่าง ชานยอลเดินไปหยิบเบียร์กระป๋องในตู้เย็น ไม่ลืมที่จะเปิด และส่งมันมาให้ เราชนกันไปหนึ่งที แล้วเริ่มต้นฉลองด้วยการยกดื่มกันไปคนละอึก



“ดูหนังเรื่องอะไรดี”

“แล้วแต่”

“บรรยากาศแบบนี้ก็ต้อง…หนังผี!”



แบคฮยอนตอบจ้าในใจ เสียงหนังไม่ได้ทำให้เขาสนใจได้เท่าต้นคริสต์มาสต้นนี้ หลาย ๆ ความรู้สึกตีกันไปหมด ยิ่งรู้ว่าชานยอลตั้งใจทำให้ขนาดนี้ เขาก็ยิ่งใจเต้นแรงเข้าไปใหญ่ มันสวยกว่าเดิมเมื่อมีไฟหลากสีสลับกันไปมา



เขาไม่เคยเห็นต้นไม้…เพราะแบบนั้นเขาเลยไม่ได้ชอบต้นไม้เท่าไร เขาไม่เคยหาแตงโมในซุปเปอร์มาร์เก็ตเจอ…ไม่เคยคิดจะซื้อน้ำแคนตาลูปกิน…ไม่เคยเห็นผักในกับข้าว…แต่ในวันนี้เขากลับได้เห็นว่าต้นคริสต์มาสหน้าตาเป็นยังไง…จากฝีมือของเพื่อนสนิทที่สุด



เขาเพิ่งรู้ตัวว่าภาพเหตุการณ์ในวันนี้มันได้กลายเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดไปแล้ว และมันทำให้เขาชอบชานยอลมากขึ้นไปอีก…



“ชอบนะ”

“หือ?”

“ต้นคริสต์มาสน่ะ”

“ใช่มั้ยล่ะ เอาจริง ๆ ก็สวยอยู่นะ”

“หรอ”



ชานยอลโวยวายเมื่อแบคฮยอนทำหน้าไม่เห็นด้วย ร่างสูงรั้งหัวแบคฮยอนให้เข้ามาใกล้ ก่อนจะขยี้หัวเล่นให้หายมันเขี้ยว เสียงหัวเราะของทั้งสองคนไม่ได้ให้เกียรติหนังผีที่ฉายอยู่บนจอเลยสักนิด กว่าจะเอาตัวเองออกมาจากมรสุมขย้ำหัวได้ ก็เล่นซะหมดแรง



“เออ กูมีของมาให้มึงด้วย”

“…?”



ถุงจากช็อป ซึ่งเขามองไม่เห็นตัวอักษรว่าชื่ออะไร ถูกยื่นมาให้บนตัก แบคฮยอนเปิดถุงนั้นออกดูและพบว่ามันคือ ลิปบาล์มกับแฮนด์ครีม



“ทาบ่อย ๆ ปากกับมือจะได้ไม่แตก”

“…ขอบคุณนะ”



ของขวัญจากชานยอลมักจะเป็นอะไรจำพวกนี้…เป็นของสำหรับดูแลสุขภาพ ไม่ก็ผิวพรรณ บ่งบอกได้ว่าคนให้คงเป็นห่วงคนอื่นไม่ต่างจากตัวเอง



แบคฮยอนเอาแต่ใจมาทั้งวัน แทนที่ชานยอลจะดุเขาบ้าง อีกฝ่ายดันกลับมาเอาใจเขาอีก ไม่ให้แบคฮยอนนิสัยเสียได้ยังไง…



“จะค้างมั้ย”

“เย้!”

“แต่ให้นอนข้างล่างนะ”

“ไม่เอาอ่ะ”

“ไม่เอาไม่ได้!”

“อะไรว้า ปกติก็นอนด้วยกันออกจะบ่อย”



แต่วันนี้มันไม่ได้ไง…

ไม่ได้ตั้งแต่หอบต้นคริสต์มาสแดงแปร๋ดนั่นมาแล้ว






unGreen Missing ( you )

end








- - - - - -


แมรี่คริสต์มาสค่ะทุกคน

หวังว่าจะชอบกันนะคะ

เป็นพล็อตที่แต่งไว้นานแล้ว (และหวงด้วย555)

คอมเม้นท์ฟิคได้ในแท็กปจเลยค้าบ

มีคีย์เวิร์ดด้วยก็ดีนะ จะได้รู้ว่าหมายถึงเรื่องของเรา


มีความสุขกับทุกสิ่งที่ทำอยู่นะคะ

bia.

Jarlynnie

1,169 views0 comments

Recent Posts

See All

Comments


bottom of page