top of page

[OS] Someone like you | chanbaek


               I heard …    ฉันได้ยินมา

                           That you’re SETTLED DOWN    ว่านายตั้งหลักปักฐานแล้ว

 

 

ผมคิดว่า บางทีพระเจ้าก็เล่นอะไรตลกกับผมซะเหลือเกิน และผมก็โง่มากด้วยที่ขำกับมัน ใครจะคิด... ว่าวันหนึ่งมันจะเป็นจริงขึ้นมา

 

ผมจะบอกว่าตอนนี้ผมโง่มากก็ได้ ผมมันก็เป็นแค่ไอ้งั่งคนหนึ่งที่กำลังหน้าชา ชาจนไร้ความรู้สึก ชาจนตบหน้าตอนนี้ก็ยังไม่เจ็บเลยด้วยซ้ำ

 

เมื่อตอนเช้าเกือบๆจะเจ็ดโมง ผมคิดว่าวันนี้มันค่อนข้างสดใส เมื่อผมได้รับรู้ข่าวดีมากมาจากเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ พวกมันกลับมาแล้ว และผมก็อยากจะไปรับมันเหลือเกิน แต่ติดตรงที่ว่าผมต้องเลี้ยงเด็ก ไม่ใช่ลูกผมหรอก ลูกของคนที่มีได้แต่ให้เวลาพวกเขาไม่ได้

 

หลังจากนั้นไม่นาน โอเซฮุนเพื่อนสนิทก๊วนเดียวกันก็มากดกริ่งที่หน้าบ้าน เสียงของมันเพราะมากเมื่อรู้ว่าบุคคลที่ผมคิดถึงมาหา มันเดินก้าวเข้ามาด้วยท่าทีง่ายๆทำตัวเหมือนเมื่อ 7 ปีที่แล้ว ตอนที่เรายังเป็นเด็กม.ปลายปีสุดท้าย

 

ผมกับมันกอดกันกลมดิ๊ก เพียงเพราะคำว่าคิดถึง แต่ใครจะรู้ว่ามันร้ายแรงมาก มากซะจนน้ำตาผมไหลเป็นแนวยาว ...ไหลเพราะความดีใจ

 

เราสองคนคุยกันนานมาก ถามถึงชีวิตความเป็นอยู่ และคำถามสารทุกข์สุขดิบพื้นฐาน ผมได้แต่ยิ้ม เพราะมันเอาแต่พูดไม่หยุด ....ยิ้ม....เพราะได้ยินชื่อคนนั้น

 

ชื่อนั้นแหละ ที่ทำให้ผมถามตัวเองกลับซ้ำๆว่าเลิกเพ้อฝันเสียที

 

เมื่อตอนม.ปลายปีสุดท้าย โอเซฮุน ปาร์คชานยอล คิมจงอิน ทั้งสามคนนั้นมันเป็นพวกมีฐานะ นั่นแหละ พอเรียนจบก็โบกมือลาผมที่ยืนกร่อยอยู่ตัวคนเดียว ไปเรียนต่างประเทศที่มีแต่อะไรแปลกใหม่

 

ผมจมปรักกับความไม่ชัดเจน นึกสงสัยอยู่ตลอดเวลาว่าระหว่างผมกับชานยอล เราเป็นอะไรกัน จนตอนนี้ผมก็ยังไม่รู้อะไรเลย

 

ผมกับชานยอลเราเหมือนเพื่อน แต่มันก็มากกว่าเพื่อน จะว่าแฟน มันก็ไม่ใช่ เพราะเขาไม่ได้ขอผมคบ ผมรู้แค่ว่าตอนนั้น เราสองคนดูแลกันดีมาก ผมไม่เคยถามเรื่องความสัมพันธ์ เพราะผมกลัว...กลัวว่ามันจะเปลี่ยนไป ผมเลยเลือกที่เงียบไว้ เก็บไว้ในใจ

 

ชานยอลชอบนอนหนุนตักผม เราชอบจุ้บกันเมื่อเรารู้สึกถูกใจกันและกัน เราชอบเดินไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อยๆ เราชอบที่จะจูงมือกันไปในที่ต่างๆ ชานยอลชอบดูหนังแอ็คชั่น เขาชอบพาผมไปนั่งไปนอนตากแอร์เย็นๆ ด้วยเหตุผลที่ว่า อยากมากับผม ผมไม่ได้ชอบหนังแอ็คชั่น แต่ถ้ามาดูด้วยกัน ผมยอมดูก็ได้

 

ชานยอลชอบมานอนเล่นที่บ้านผม ชอบมานอนเอากลิ่นยาสระผมมาติดที่หมอนของผมในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ เขาชอบจับหัวผม ขยี้มันแรงๆ แล้วเอาจมูกมาสูดดม

 

เขาชอบทำแบบนั้น ตอนนั้นผมก็คิดว่าเราชอบกัน แต่เปล่า ...เขาทำแบบนี้ทุกคน

 

....แต่ผมแค่ทำเยอะกว่า

 

แต่มันก็โอเคนะ ผมไม่ได้ซีเรียสอะไรหรอก แค่เขามีอะไรๆที่อยากทำกับผมก็พอแล้ว ผมไม่ได้ขออะไรมากมายนักหรอก ขอแค่เขายังจำผมได้ก็พอ

 

เราแยกย้ายกันไป ต่างคนต่างไปเรียนในที่ที่ตัวเองสามารถสอบติด ผมเลือกเรียนที่มหาลัยที่คิดว่ามันจะทำให้ผมมีอนาคตที่ดี และโชคดีที่ผมเข้าได้

 

ช่วงแรกๆเราคุยกันบ่อยๆในโปรแกรมแชทที่เขามี ผมถามเขา คอยเช็กนู้นนี่ คอยเป็นห่วง แต่บางทีผมก็คิดว่ามันอาจจะมากไป... เขาไม่ได้ตอบกลับมาตั้งนาน

 

...นานมาก เมื่อปีที่แล้ว

 

ข้อความสนทนาผมค้างไว้แค่นั้น ค้างไว้ตรงคำว่า

 

‘คิดถึงนายนะ เมื่อไหร่จะกลับมา?’

 

ผมคิดว่าบางทีเขาอาจจะเรียนหนักมาก และผมก็คิดว่าเขาอาจจะรำคาญ เลยไม่ตอบ ผมเฮิร์ต ...ผมยอมรับ แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้

 

 

               That’s you found a girl ….    นายหาเธอเจอ

                           And you’re married now.     และตอนนี้นายก็แต่งงานกับเธอแล้ว

 

 

ผมคิดว่าการร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นไม่ใช่สิ่งที่ดีนัก ผมเลือกที่จะเก็บน้ำตาเอาไว้ แล้วเปลี่ยนเป็นส่งยิ้มอ่อนๆให้กับโอเซฮุนเพื่อนสนิทที่สุด

 

หมอนั่นทำหน้าไม่เข้าใจ มันรู้ว่าผมคิดยังไง มันคงคิดว่าผมเป็นบ้าไปแล้วที่เอาแต่ยิ้มทั้งๆที่คนที่ผมรักมาทั้งชีวิต ...กำลังไปแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น

 

 

‘ชานยอล ถามจริง มึงคิดอะไรกับแบคฮยอนป่ะว่ะ’ เสียงทุ้มๆที่ดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ เพราะไม่เหลือเพื่อนซักคนบนห้อง โอเซฮุนกำลังอยากรู้อะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นกับความรู้สึกของแบคฮยอน ...ความรู้สึกที่เกิดเฉพาะกับแบคฮยอน

 

‘ถามทำไม’ ชานยอลเลิกคิ้วถาม ท่าทางสบายๆราวกับว่าคำถามมันไม่ได้มีคำตอบที่ยากเย็นซักเท่าไหร่ มันคงไม่สำคัญมากหรอก

 

‘กูเห็นมึงไปไหนกับแบคฮยอนมันบ่อยๆ ทำตัวเหมือนเป็นแฟนกัน ถามจริง มึงชอบมันหรอว่ะ’

 

‘เปล่า’ ริมฝีปากหนาเอ่ยขยับตอบแบบเอื่อยๆ ปาร์คชานยอลช่างนิ่งสงบราวกับสายน้ำพัดผ่าน

 

‘….’

 

‘มึงจะหวังอะไรมากว่ะ ผู้ชายกับผู้ชายจะคบกันได้ยังไง แบคฮยอนมันก็แค่เพื่อนคนหนึ่งป่ะว่ะ’

 

 

เขาคิดว่าเขาไม่ควรได้ยินมัน ...ไม่ควรเดินไปซื้อขนมปังกับนมช็อคโกแลตเพียงเพราะอีกคนชอบกิน ....ไม่ควรเดินเข้ามาในห้องเพียงเพราะกลัวเขาจะหิว

 

ผมน่าจะเดินช้ากว่านี้ซักนิด

 

 

                           I heard …    ฉันได้ยินมา

that your dreams came true    ว่าฝันของนายเป็นจริงแล้ว

Guess she gave you things    ฉันคิดว่าผู้หญิงคนนั้นคงมี

                                                   I didn’t give to you    ในสิ่งที่ฉันให้นายไม่ได้

 

 

ผมกำการ์ดแต่งงานไว้แน่น พยายามข่มน้ำตาที่กำลังรื้นอยู่ที่บริเวณขอบตา ตาผมร้อน ผมรู้สึกได้ มันยากจริงๆ ...ยากมากเมื่อรู้ว่าผมกำลังจะต้องร้องไห้

 

ท้ายที่สุดมันก็ไหล น้ำตาเจ้ากรรมไหลออกมาเยอะมาก เยอะกว่าที่ตอนเจอเซฮุนเสียอีก ผมฝืนยิ้ม มันเป็นยิ้มแบบไหนผมก็ยังไม่รู้เลย

 

มันคงเป็นยิ้มที่แย่มากๆเลยล่ะ เพราะเซฮุนมันไม่ยิ้มตามผมเลย

 

“เธอ...น่ารักดีนะ”

 

 

Old friend, why are you so shy?    เพื่อน  ทำไมมึงอายแบบนั้นล่ะ?

                Ain’t like you to hold back    มันเหมือนกับว่ามึงกำลังอัดอั้นอยู่

                                                   or hide from the light    หรือมึงกำลังหนีความจริง

 

 

“มึง...”

 

“...”

 

“ยังไม่เลิกรักมันอีกหรอว่ะ”

 

ผมกำลังร้องไห้อย่างหนัก แต่ตาผมก็มองไปที่รูปนั้น การ์ดใบนั้นที่มีรูปเขากับผู้หญิงที่เขารัก ชานยอลยังหล่อเหมือนเดิม หล่อเหมือนกับตอนที่เจอกันครั้งแรก

 

หล่อเหมือนกับตอนนั้นที่เพื่อนสนิทผมพาผมเข้าไปทำความรู้จัก

 

“มึงรู้ ...ว่ากูไปไหนไม่ได้อีกแล้ว เขาเข้ามาหากูมากเกินไป กูพยายามแล้ว ....กูพยายามแล้วจริงๆ” แบคฮยอนรู้สึกเสียงกำลังค่อยๆขาดหายไป มันสั่นมากจนแทบฟังไม่รู้เรื่อง เสียงสะอื้นยังคงดังไม่ขาดสาย มีเพียงมือหนาค่อยๆลูบไล้ที่หัวให้รู้สึกผ่อนคลาย

 

 

I hate to turn up out of the blue, uninvited    

ผมเกลียดจริงๆที่ต้องมาเจอกับเรื่องที่ไม่คาดคิด

But I couldn’t stay away, I couldn’t fight it

   แต่ผมก็หนีจากเขาไม่ได้ ผมห้ามความรู้สึกของตัวเองไม่ได้

I had hoped you’d see my face and that you’d be reminded

   ผมหวังว่าเมื่อเขาได้เห็นหน้าผมแล้วมันอาจจะทำให้เขาคิดว่า

That for me, it isn’t over

   ความสัมพันธ์ของเรามันยังไม่จบ

 

 

“มึงจะไปงานมันไหม?”

 

“กูจะต้องทำหน้ายังไงว่ะ”

 

“...”

 

“กูต้องอวยพรให้มันไหม กูต้องทำยังไงถึงกูจะไม่ร้องไห้ออกมา กู... ฮึก”

 

มือเล็กๆนั่นกำแน่นขึ้นเรื่อยๆ ตามอารมณ์ที่พุ่งสูงขึ้น แบคฮยอนกำลังจะเป็นบ้าไปแล้วจริงๆ เขาร้องไห้จนปวดหัว แต่ก็ไม่คิดที่จะหยุดร้อง ขอแค่น้ำตาเป็นเครื่องลบความเจ็บปวด ถึงแม้จะร้องจนไม่มีน้ำตาเหลือ ...เขาก็ยอม

 

“มึงไม่ต้องไปก็ได้ นะ...กูไม่อยากเห็นมึงร้องไห้”

 

“ฮึก... ฮึก...”

 

แต่สุดท้าย ผมก็เลือกที่จะทำอะไรโง่ๆอีกครั้ง

 

 

Never mind,    ช่างมันเถอะ

I’ll find someone like you    ผมอาจจะหาใครซักคนที่เหมือนเขา

 

 

สูทสีขาวที่ผมบรรจงออกแบบลายละเอียดยิบย่อยให้ได้มากที่สุด ผมอยากให้มันสวยที่สุด ....สวยสมกับงานแต่งงานของเขา

 

เซฮุนไม่อยากให้ผมไป ผมรู้ แต่จะให้ทำไง ผมยอมเสียใจ เสียน้ำตาอีกครั้ง แลกเปลี่ยนกับที่ผมจะได้เจอเขา ถึงแม้มันจะเป็นการเจอกันที่อาจจะทำให้ผมเจ็บเจียนตาย

 

แต่ผมก็จะทำ

 

งานแต่งของเขาสวยหรูเหมาะสมกับฐานะ ผมเดินเข้างานมาพร้อมกับดอกกุหลาบสี่ดอก เป็นดอกกุหลาบทั้งหมดที่เขาเคยให้ผม

 

ดอกแรกคือตอนเราเดินไปเที่ยวด้วยกันที่ห้าง เขาซื้อดอกไม้มาให้ผมเพราะเห็นว่าผมชอบสีแดง กุหลาบแดงเลยเป็นตัวเลือกที่ดี

 

ดอกที่สองคือตอนที่ผมขึ้นไปร้องเพลงในวันงานโรงเรียน เขาเดินเอากุหลาบมาให้ผมทันทีที่ผมร้องเสร็จและเตรียมโบกมือลา เขาทำให้ผมเขินยกใหญ่

 

ดอกที่สามคือวันวาเลนไทน์ เขาซื้อดอกกุหลาบให้ผมเพียงเพราะมันสวยดี เขาเดินผ่านมาเลยช่วยซื้อเท่านั้นเอง แต่ผมก็ขอบคุณเขา ที่เขาเอามันมาให้ผม

 

และดอกที่สี่คือคืนแรกของเรา เขานุ่มนวลและอ่อนโยน เขาหลอมละลายผม และฝากฝังรอยจูบสีกุหลาบไว้บนตัวผม

 

ผมเดินมานั่งที่โต๊ะกลมสีขาวสะอาดตา แม้กระทั่งดอกไม้ที่จัดแต่งแจกันยังเป็นดอกกุหลาบแดง

 

ผมคิดว่าน้ำตาผมจะเริ่มไหลตั้งแต่เจ้าบ่าวสุดหล่อยังไม่เดินควงเจ้าสาวของเขาขึ้นบนเวทีเลย ผมอ่อนแอเหลือเกิน

 

“แบค ...มึงมาทำไม” ผมหันไปตามเสียง โอเซฮุนยังคงรู้ใจผมดี มันลงนั่งที่ข้างเก้าอี้ผม ก่อนจะจ้องมองมาด้วยสายตาที่เป็นห่วง ผมนึกขอบคุณมันเหลือเกิน ช่วงเวลาที่ผ่านมา ผมมีแค่มัน ถ้าไม่นับรวมเขาคนนั้น

 

“ทำไม กูแค่... กูแค่อยากมาเจอชานยอลเป็นครั้งสุดท้ายก็เท่านั้น”

 

“มึง... โอเคนะ”

 

“กูไม่โอเคหรอก ไม่มีทางโอเค”

 

ผมหันหน้าจบบทสนทนาเมื่อเจ้าสาวขึ้นมาบนเวที เธอสวยจริงๆนั่นแหละ ผมคิดว่าถ้าหากผมไม่ได้รักชานยอล ผมก็อาจจะจีบเธอก็ได้

 

ชานยอลเดินตามมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม บ่งบอกถึงความรู้สึกได้อย่างชัดเจนแม้ไม่ต้องถามถึง ผู้หญิงคนนั้นทำผมอิจฉา ผมรู้สึกแย่ไปหมด ผมนึกเกลียดช่วงเวลาที่เขามีความสุขด้วยกัน ผมมันแย่มากใช่ไหม

 

“เจ้าบ่าวก็หล่อ เจ้าสาวก็สวย เหมาะกันยังกับกิ่งทองใบหยก ไม่มีสิ่งอื่นใดเหมาะไปกว่าคู่นี้แล้วครับทุกท่าน”

 

ผมรู้สึกเกลียดพิธีกรจับจิต

 

พิธีกรดำเนินไปเรื่อยๆ จนเข้าสู่ช่วงงานเลี้ยง เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะเดินไล่ถ่ายรูปตามโต๊ะต่างๆเพื่อเป็นสักขีพยานความรักของทั้งคู่

 

ผมคิดว่าผมไม่พร้อมเท่าไหร่ เมื่อร่างสูงค่อยๆไล่ถ่ายรูปเรื่อยๆมาจนใกล้ถึงโต๊ะผม โต๊ะผมเป็นโต๊ะเพื่อนเก่าสมัยม.ปลาย พวกเรากลับมาเจอกันอีกครั้งด้วยสีหน้าดีใจ ความรู้สึกสุขสมเมื่อไม่ได้เจอกันนาน ย่อมมีเรื่องราวเล่าสู่กันฟังค่อนข้างเยอะ

 

ผมไม่ได้สนใจหัวข้อบทสนทนาของจงอินเท่าไหร่ เพราะสายตาของผมกำลังจดจ้องไปที่เขา ...ที่แผ่นหลังกว้างๆนั่น ที่ที่ผมเคยซบมัน ...มันอุ่นมาก

 

 

I wish nothing but the best for you, too    ฉันขออวยพรให้นายเจอแต่สิ่งดีๆ

               Don’t forget me, I beg    “อย่าลืมฉันนะ”  ผมขอร้อง

I remember you said    “ฉันจะไม่ลืมนาย” เขาพูดแบบนั้น

 

 

“เฮ้ยๆๆๆ มาถ่ายกันมา!!”

 

“ชานยอลมึงหล่อมากเว้ย! เพื่อนกูนี่หล่อจริงๆเชียว”

 

“เมียมึงสวยว่ะ ดูแลดีๆนะเว้ย รักกันนานๆ”

 

“ชานยอลมันหื่นสุดๆ เธอเองก็ระวังมันด้วยนะเจ้าสาว~”

 

ชานยอลแกล้งทำสีหน้าไม่พอใจ แต่ก็ต้องหัวเราะออกมาเมื่อพอมองหน้ากันมันก็กลับทำให้เขานึกถึงอดีต อดีตอันหอมหวานที่ตอนนั้นเรารู้จักกันแค่นี้

 

แบคฮยอนยังคงยืนเงียบกับบทสนทนาที่สนุกสนาน ชานยอลไม่ได้มองมาที่เขา บางทีชานยอลอาจจะมองไม่เห็น

 

“เฮ้ยแบค! มาเซย์ไฮกับผัวเก่ามึงหน่อยเร็ว!” เสียงเรียกของจื่อเทาเรียกความรู้สึกวูบวาบที่หน้าอกด้านซ้ายได้ดี นายพูดแบบนั้นได้ยังไง ...คนรักเขาก็ยืนอยู่ข้างๆ

 

“ตลกล่ะไอ้สัส แบคฮยอนมาถ่ายรูปด้วยกันสิ” ชานยอลกวักมือเรียกร่างเล็กที่เอาแต่ฝืนยิ้ม รอยยิ้มที่อยากจะบังคับ ริมฝีปากที่พร้อมจะเบะอยู่ตลอดเวลาเมื่อมองเห็นภาพที่ปาร์คชานยอลเอาแต่ลูบหัวเจ้าสาว โอบเอวคอยประคองให้ยืนเป็นตำแหน่ง

 

ผมเดินไปอย่างช้าๆ ผมคิดผิดจริงๆที่มางานนี้ ผมมันโง่อย่างที่ว่าจริงๆนั่นแหละ โง่จริงๆ

 

 

Sometimes it lasts in love, but sometimes it hurts instead

               ความรักของเราจะคงอยู่ตลอดไป ถึงแม้บางครั้งจะถูกแทนที่ด้วยความเจ็บปวด

 

 

ผมไม่ได้พูดอะไรเลย แม้กระทั่งตอนที่เพื่อนๆแต่ละคนขึ้นไปบนเวทีเพื่อพูดอวยพรให้กับปาร์คชานยอล มีแต่ผมที่นั่งปรบมืออยู่ที่โต๊ะตัวเอง เพราะมันคงไม่ดีถ้าจะให้คนทั้งงานเห็นน้ำตาที่ไร้ค่า

 

ผมเดินออกจากงานด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า ปลีกตัวออกมาเงียบๆเมื่อหลังจากที่พิธีกรและคนทั้งงานเชียร์ให้พวกเขาจูบกัน ผมคงทนดูไม่ได้หรอก ผมไม่ได้เข้มแข็งขนาดนั้น

 

รู้สึกตัวอีกทีเมื่อตอนที่หน้าบ้านเต็มไปด้วยความเบลอ น้ำตาที่อัดอั้นมานาน ในที่สุดมันก็ไหลออกมาอย่างกับเขื่อนแตก ผมคิดว่าคำเปรียบเทียบไม่ได้ดูเว่อร์วังอะไร ในเมื่อตอนนั้นผมก็สลบเหมือดทันที ผมหมดแรง ....เหมือนคนใกล้ตาย

 

ผมหาคำตอบให้กับความสัมพันธ์ตอนนั้นของผมกับชานยอลไม่ได้ ผมไม่กล้าถามชานยอลหรอก หรือผมควรจะถามไปตั้งแต่ตอนนั้น ตอนที่เราจะแยกจากกัน

 

ถ้าเป็นไปได้ ผมก็อยากจะย้อนกลับไปตอนนั้น ตอนที่ผมยังคงทำได้แค่แอบชอบเขา ผมจะไม่ขอให้เซฮุนพาผมไปแนะนำกับเขา ผมจะได้ไม่ต้องเจ็บแบบนี้

 

....ผมจะได้ไม่ต้องรักเขา














ลงใหม่

2,810 views0 comments

Recent Posts

See All

Comments


bottom of page